IUI กับ IVF ต่างกันอย่างไร? เลือกวิธีไหนให้เหมาะกับคุณ

IUI กับ IVF ต่างกันอย่างไร? เลือกวิธีไหนให้เหมาะกับคุณ


ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างมาก การช่วยเหลือคู่รักที่ประสบปัญหามีบุตรยากกลายเป็นเรื่องที่มีความหวังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำ IUI หรือ IVF ต่างก็เป็นทางเลือกยอดนิยมที่แพทย์มักแนะนำ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า IUI คืออะไร? แล้วแตกต่างจาก IVF อย่างไร วิธีไหนดีกว่า? และจะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับสถานการณ์ของตนเอง?

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักทั้ง IUI และ IVF อย่างละเอียด พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย รวมถึงแนวทางในการเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด




IUI คืออะไร?


IUI ย่อมาจาก Intrauterine Insemination หรือการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง วิธีนี้มักใช้ในกรณีที่ฝ่ายชายมีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอสุจิ หรือฝ่ายหญิงมีภาวะไข่ตกไม่ปกติ

ขั้นตอนการทำ IUI โดยสังเขป:



  1. ตรวจสุขภาพทั้งสองฝ่าย

  2. กระตุ้นไข่ฝ่ายหญิงด้วยยา

  3. ตรวจอัลตราซาวด์ดู ขนาดไข่ IUI

  4. คัดเชื้ออสุจิที่แข็งแรง

  5. ฉีดเชื้อเข้าโพรงมดลูกในช่วงไข่ตก

  6. ติดตามผลหลังทำประมาณ 14 วัน






IVF คืออะไร?


IVF หรือ In Vitro Fertilization คือการปฏิสนธินอกร่างกาย โดยแพทย์จะเก็บไข่จากฝ่ายหญิงมาผสมกับอสุจิในห้องปฏิบัติการ แล้วนำตัวอ่อนที่ได้ใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง

ขั้นตอน IVF:



  • กระตุ้นไข่ให้ได้หลายใบ

  • เก็บไข่และอสุจิ

  • ปฏิสนธินอกร่างกาย

  • เลือกตัวอ่อนที่สมบูรณ์

  • ใส่ตัวอ่อนกลับเข้ามดลูก






เปรียบเทียบ IUI vs IVF








































หัวข้อ IUI IVF
ขั้นตอน ง่ายและไม่ซับซ้อน ซับซ้อนและใช้เวลามาก
ค่าใช้จ่าย ต่ำกว่า IVF มาก ค่าใช้จ่ายสูง
โอกาสสำเร็จ ประมาณ 10-15% ต่อรอบ 40-60% ต่อรอบ (ขึ้นกับอายุ)
ความเจ็บปวด เจ็บเล็กน้อยคล้ายตรวจภายใน อาจรู้สึกไม่สบายตัวระหว่างเก็บไข่
เหมาะกับใคร ปัญหามีบุตรยากระดับเบา-กลาง ปัญหามีบุตรยากระดับรุนแรง
สามารถเลือกเพศได้หรือไม่ ✓ (ในบางประเทศและเงื่อนไข)





IUI ดีไหม? ข้อดี ข้อเสียของ IUI


ข้อดี:



  • ค่าใช้จ่ายน้อย (iui ราคา โดยเฉลี่ย 10,000–40,000 บาท/ครั้ง)

  • ขั้นตอนรวดเร็วและปลอดภัย

  • ไม่ต้องผ่าตัดหรือดมยาสลบ

  • เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นรักษาภาวะมีบุตรยาก


ข้อเสีย:



  • อัตราความสำเร็จค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุมาก

  • ต้องทำซ้ำหลายครั้ง (ทำ iui ได้กี่ครั้ง ขึ้นกับคำแนะนำแพทย์)

  • ไม่สามารถใช้ในกรณีท่อนำไข่อุดตันหรือไม่มีไข่






จะรู้ได้อย่างไรว่าควรเลือก IUI หรือ IVF?



  1. อายุของผู้หญิง 

    • หากอายุต่ำกว่า 35 ปี และยังไม่เคยรักษา IUI อาจเป็นทางเลือกแรก

    • หากอายุมากกว่า 38 ปี หรือมีปัญหาซับซ้อน ควรพิจารณาการทำ IVF



  2. คุณภาพของไข่และอสุจิ 

    • หากคุณภาพอสุจิพอใช้ และไข่ตกได้สม่ำเสมอ IUI อาจเพียงพอ

    • หากมีปัญหาอสุจิรุนแรงหรือมีไข่น้อย IVF จะให้ผลลัพธ์ดีกว่า



  3. งบประมาณ 

    • IUI เหมาะกับคู่รักที่ต้องการเริ่มต้นการรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายไม่สูง

    • IVF ต้องมีงบประมาณสูงและอาจต้องเก็บไข่หลายรอบ



  4. ระยะเวลาที่พยายามตั้งครรภ์ 

    • หากพยายามมานานเกิน 1–2 ปีโดยยังไม่สำเร็จ อาจพิจารณาข้าม IUI ไปทำ IVF








IUI เหมาะกับใคร?



  • ฝ่ายหญิงที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอ และไม่มีภาวะท่อนำไข่อุดตัน

  • ฝ่ายชายมีปัญหาอสุจิเล็กน้อยถึงปานกลาง

  • คู่รักที่ต้องการหลีกเลี่ยงขั้นตอนซับซ้อนของ IVF






เลือกทำ IUI ที่ไหนดี?


การเลือกสถานพยาบาลมีผลต่อความสำเร็จอย่างมาก ควรพิจารณาดังนี้:

  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์

  • เครื่องมือทันสมัย มีห้องแล็บมาตรฐาน

  • รีวิวจากผู้ใช้จริงและอัตราความสำเร็จของคลินิก

  • การให้คำแนะนำแบบใกล้ชิด และโปร่งใสด้านค่าใช้จ่าย






สรุป


การเลือกว่าจะทำ IUI หรือ IVF ไม่ใช่แค่เรื่องของค่าใช้จ่ายหรือโอกาสสำเร็จ แต่ต้องดูที่สุขภาพโดยรวม อายุ และเป้าหมายของแต่ละคู่ การเริ่มต้นด้วย IUI อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคู่รักหลายคน แต่หากทำ IUI แล้วไม่ประสบความสำเร็จในหลายรอบ อาจต้องพิจารณาขยับไปทำ IVF ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงกว่า

สุดท้ายนี้ คำแนะนำที่ดีที่สุดคือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณและครอบครัว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *